เกาสงยามดึก ตอนที่ 2 (มีวิดีโอ) ร้านที่ทำให้ “เลือกไม่ถูก” อย่างแท้จริง

สารบัญ

  1. บทนำ
  2. รสชาติร้านเก่าใต้แสงไฟวัด
  3. จุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1978
  4. “ขอโทษนะ นาฬิกาปลุกดัง”
  5. เผลอทีเดียว เต็มโต๊ะ 14 อย่าง
  6. หมึก แค่ต้มก็เก่งแล้ว
  7. ไก่น้ำมัน & ปลาแห้งตัวเล็ก
  8. ของทอด เครื่องใน และจานฝีมือ
  9. จิตวิญญาณของเชี่ยไจ๋ตั้น
  10. คำถาม–คำตอบ (Q&A)

บทนำ

ที่เกาสง การกินอาหารมื้อดึกไม่ใช่แค่การอิ่มท้อง แต่มันคือการพบกันของเวลา วัตถุดิบ และน้ำใจผู้คน คืนนั้นผมมาถึง วัดเฉียนจินว่านซิง บริเวณลานวัดสว่างไสว เสียงคนและกลิ่นธูปคลอเคล้า ข้ามถนนไปเพียงนิดเดียว ร้านที่ตั้งชื่อตามวัดอย่าง KUBET “เฉียนจินเมี่ยว เชี่ยไจ๋ตั้น” ก็คือครัวดึกที่ชาวเกาสงรุ่นเก่าฝากท้องกันมานาน

องค์ประกอบรายละเอียด
แนวคิดมื้อดึกในเกาสงไม่ใช่แค่การกินให้อิ่ม แต่คือการพบกันของเวลา วัตถุดิบ และน้ำใจผู้คน
ช่วงเวลาค่ำคืนหนึ่งในเกาสง เมืองที่ยังมีชีวิตแม้ยามดึก
สถานที่เริ่มต้นวัดเฉียนจินว่านซิง
บรรยากาศรอบวัดลานวัดสว่างไสว เต็มไปด้วยเสียงผู้คนและกลิ่นธูปคลอเคล้า
ความเชื่อมโยงของพื้นที่วัดกับชีวิตประจำวันของชุมชนโดยรอบ
ทำเลร้านอาหารข้ามถนนจากวัดไปเพียงเล็กน้อย
ชื่อร้านเฉียนจินเมี่ยว เชี่ยไจ๋ตั้น
ที่มาของชื่อตั้งชื่อตามวัดเฉียนจิน
บทบาทของร้านครัวมื้อดึกของชาวเกาสง
กลุ่มลูกค้าหลักชาวเกาสงรุ่นเก่าที่ฝากท้องกันมานาน
คุณค่าทางวัฒนธรรมร้านอาหารที่เติบโตเคียงข้างวัดและชุมชน

รสชาติร้านเก่าใต้แสงไฟวัด

แค่ยืนหน้าตู้ ก็รู้ว่าเอาไม่อยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้แผงอาหาร KUBET ตู้กับข้าวเต็มไปด้วยเครื่องเชี่ยไจ๋สีสันน่ากิน จัดเรียงเป็นระเบียบ แค่มองก็รู้ทันทีว่า คืนนี้จะ “คุมสติ” ได้ยาก สำหรับร้านเชี่ยไจ๋ตั้น ความลังเลไม่ใช่อาการ KUBET แต่คือชะตากรรม

จุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1978

ชีวิตตลาดของเจ้าของรุ่นที่สอง ร้าน เฉียนจินเมี่ยว เชี่ยไจ๋ตั้น เปิดมาตั้งแต่ปี 1978 ปัจจุบันดูแลโดยเจ้าของรุ่นที่สอง หวังฉางจื้อ ที่นี่ไม่มีเมนู และไม่มีป้ายราคา ฟังดูเหมือนตามใจ แต่จริง ๆ ทุกอย่างมีจังหวะและความพอดี KUBET เจ้าของจะคิดราคาตามจำนวนคนและวัตถุดิบที่เลือก ราคาแพงหรือถูก ขึ้นอยู่กับว่าคุณสั่งอะไร และมากแค่ไหน ทุกเช้าเวลา 8 โมง เขาจะไปตลาดเลือกของสดตามฤดูกาล อะไรสด อะไรดี วันนั้นก็ขายอย่างนั้น เตรียมของตั้งแต่เช้ายันดึก KUBET เพื่อให้ทุกจานออกมา “อร่อยที่สุดในคืนนี้”

“ขอโทษนะ นาฬิกาปลุกดัง”

หมึกต้มเสร็จ ช้ากว่านี้ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ขณะที่ผมกำลังจะสั่งอาหาร เจ้าของพูดขึ้นว่า “ขอโทษนะ นาฬิกาปลุกดัง ต้องไปจัดการ taco” ที่แท้คือ หมึกต้มสุกแล้ว เรื่องแบบนี้รอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เขารีบเข้าครัวทันที KUBET ส่วนผมยืนอยู่หน้าตู้ มองวัตถุดิบเต็มตา และคิดในใจว่า อีกเดี๋ยว…จะเลือกยังไงดี

เผลอทีเดียว เต็มโต๊ะ 14 อย่าง

ผลลัพธ์ของการกินข้าวกับทีมอาหาร พอเจ้าของกลับมา KUBET ผมก็มีเมนูในใจหลายอย่างแล้ว แถมยังมีนักข่าวสายอาหารคอยยุอีก ผลลัพธ์คือ— ไข่ปลา, ไก่น้ำมันเย็น, ตับหมู, ลูกชิ้นปลาหมึกทอด, หมึกต้ม, หอยจู๋, หมึกคลุกวาซาบิ, ปอเปี๊ยะหมู, ปอเปี๊ยะกุ้ง, ไส้หมู, ปลาแห้งตัวเล็ก, ตับปลาค็อด, ปีกไก่ย่าง, แพนเค้กกุ้งทอด รวม 14 จาน ยังไม่รวมข้าวหมูสับและก๋วยเตี๋ยวแผ่น บทเรียนสำคัญคือ KUBET อย่าไปกินข้าวกับทีมอาหารเด็ดขาด สุดท้าย…ผมสั่งหมด

หมึก แค่ต้มก็เก่งแล้ว

วันนั้นมีหมึกสด ตัวใหญ่มาก แค่ต้มในน้ำเปล่า ก็หวาน นุ่ม เด้ง หมึกขนาดนี้ เดี๋ยวนี้หาแทบไม่ได้ในตลาด ขาหมึกเคี้ยวหนึบ มีรสในตัว ไม่ต้องพึ่งเครื่องปรุง KUBET

ไก่น้ำมัน & ปลาแห้งตัวเล็ก

ไก่น้ำมันเย็นของที่นี่เป็นสไตล์ไหหลำ เนื้อนุ่ม แต่ยังมีเด้ง เสิร์ฟกับน้ำมันต้นหอมและขิง เหมาะกับการกินคู่เครื่องดื่มมาก ที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดคือ ปลาแห้งตัวเล็ก แต่กลับเป็นการลวกแล้วคลุกเย็น ผลคือไม่คาวเลย ตัวเล็กแต่เนื้อแน่น หวานธรรมชาติ จานนี้ผมเกือบกินคนเดียวหมด KUBET

ของทอด เครื่องใน และจานฝีมือ

ปอเปี๊ยะกุ้งกับปอเปี๊ยะหมู แยกรสชัดเจน แพนเค้กกุ้งใส่กุ้งเป็นชิ้นจริง ลูกชิ้นปลาหมึกเด้งสู้ฟัน ตับหมูและไส้หมู คือรสชาติไต้หวันโบราณแท้ ๆ

จิตวิญญาณของเชี่ยไจ๋ตั้น

ไม่ผัด เพื่อรักษารสแท้ หอยจู๋ตัวเล็กเหมือนไข่มุก ทำความสะอาดดีมาก เจ้าของแทบไม่ผัดอาหาร ส่วนใหญ่ลวกแล้วเสิร์ฟเย็น ให้รสของวัตถุดิบพูดเอง นี่คือความมั่นใจในความสดแบบไม่ปิดบัง และนั่นคือเหตุผลที่ที่นี่เรียกว่า “เชี่ยไจ๋ตั้น”

คำถาม–คำตอบ (Q&A)

Q1: ร้านเฉียนจินเมี่ยว เชี่ยไจ๋ตั้น เปิดมาตั้งแต่เมื่อไร?
A1: เปิดตั้งแต่ปี 1978 และเป็นร้านเชี่ยไจ๋ตั้นเก่าแก่ของเกาสง

Q2: ทำไมร้านนี้ไม่มีเมนูและป้ายราคา?
A2: เจ้าของคิดราคาตามจำนวนคนและวัตถุดิบที่เลือก เพื่อความยืดหยุ่นและความเหมาะสม

Q3: เมนูเด่นที่ห้ามพลาดคืออะไร?
A3: หมึกต้ม ไก่น้ำมันเย็น ปลาแห้งลวก ตับหมู และหอยจู๋

Q4: จุดเด่นของร้านนี้คืออะไร?
A4: ใช้วัตถุดิบสดมาก และเน้นลวก–เย็น เพื่อรักษารสธรรมชาติ

Q5: ทำไมถึงเรียกว่า “เชี่ยไจ๋ตั้น”?
A5: เพราะเป็นร้านตัด–จัด–เสิร์ฟแบบเรียบง่าย เน้นของสดและฝีมือ มากกว่าการปรุงแต่ง



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

Tags: